http://www.true100percent.com/

http://www.true100percent.com/
สั่งซื้อสินค้าอออนไลน์ ได้ง่ายๆ คลิกเลย^^ www.true100percent.com
atopalm atopiclair Beta-Curve Bio-oil BK MASK burnova cetaphil CG210 COLLA-L creatine activ Dermalis DERMALIS skincare dermatix Dr.Jill DYMABURN Ellgy eucerin EZERRA Gluta Mc Plus HAKUBI C Gel Helionof Himalaya hiruscar LA ROCHE LIPO8 MAXKIN MC PLUS mederma MEDMAKER Meiji Melloderm-HQ Neocell okamoto OMG Physiogel pico Preme SAND-M scagel scaresthetique scargel Smooth-E spectraban TOMEI Vistra vitara berich Zermix กระชับสัดส่วน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน กันแดด ครีมบำรุงผิว เคล็ดลับสุขภาพดี เคล็ดลับหน้าขาวใส ช่วยนอนหลับ ที่ตรวจการตกไข่ ที่ตรวจครรภ์ใช้ง่าย ที่ตรวจยาบ้า บำรุงกระดูกและข้อต่อ บำรุงสุขภาพ ปากแห้ง ผมร่วง ผิวขาว ผิวแพ้ง่าย เพิ่มสมรรถภาพชาย มาส์กหน้าใส รักษาฝ้า รักษาสิว ลดน้ำหนัก ลบรอยแผลเป็น ลิปบาล์ม สมุนไพร กลูต้าไทโอน คอลลาเจน ตังถังเช่า ถังเช่า ถุงยางอนามัย ทับทิม เวย์โปรตีน AHA Aloe vera grape seed Urea อุปกรณ์การแพทย์ FOR MEN FOR WOMEN Review COSMETIC Review Vitamin

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

ความหมาย ช้ำ


ความหมาย ช้ำ


ช้ำ (Bruise) เป็นอาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนัง เนื่องจากเส้นเลือดฝอยแตกจนเกิดเลือดสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ รอยช้ำเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม เราควรทราบวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยสังเกตว่ารอยช้ำที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงและจำเป็นต้องไปพบแพทย์หรือไม่



อาการช้ำ

อาการช้ำจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักมีอาการดังต่อไปนี้
เกิดรอยช้ำที่ผิวหนัง อาการเริ่มต้นมักเป็นสีแดง แล้วจึงค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือม่วงเข้มภายใน 2-3 ชั่วโมง และอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เขียว หรือสีอื่น ๆ เช่น น้ำตาล น้ำตาลอ่อน หลังผ่านไปจาก 2-3 วัน ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อรอยช้ำเริ่มจางลง
รอยช้ำที่เกิดขึ้นทั่วไปจะทำให้มีอาการกดเจ็บ และบางครั้งอาจสร้างความเจ็บปวดในช่วง 2-3 วันแรก แต่อาการจะค่อย ๆ หายไปพร้อมกับสีที่จางลง

อาการช้ำที่มีความรุนแรง และอาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์ ได้แก่
รอยช้ำจากการใช้ยาแอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดอื่น ๆ
บวมและเจ็บปวดบริเวณที่เกิดอาการช้ำ
รอยช้ำหลังประสบอุบัติเหตุรุนแรง
รอยช้ำที่เกิดขึ้นเมื่อสงสัยว่ามีกระดูกหัก
ช้ำโดยไม่มีสาเหตุ
อาการช้ำไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่หายไปหลังผ่านไป 3 -4 สัปดาห์
เกิดรอยช้ำที่เล็บและมีอาการเจ็บปวด
รอยช้ำเกิดขึ้นพร้อมกับมีเลือดออกมากับปัสสาวะ อุจจาระ หรือในดวงตา
รอยช้ำที่เกิดขึ้นพร้อมกับภาวะเลือดออก เช่น มีเลือดออกจากจมูก ปาก หรือตามไรฟัน
รอยช้ำเกิดขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากโรคบางชนิด เช่น มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือด หรือมีการอุดตันของหลอดเลือด


สาเหตุของรอยช้ำ


ช้ำ เป็นอาการมีเลือดออกใต้ผิวหนังที่มักเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ เมื่อร่างกายกระแทกกับวัตถุบางชนิด โดยบางคนอาจเกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เช่น ผู้สูงอายุ ซึ่งเสี่ยงเกิดรอยช้ำได้ง่าย เพราะผิวหนังบางและเนื้อเยื่อภายในมีความเปราะบาง

สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่
การออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น นักกีฬาและนักยกน้ำหนัก อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังฉีกขาด
โรคความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด รอยช้ำที่เกิดขึ้นง่ายกว่าปกติ หรือไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่าง โดยเฉพาะรอยช้ำที่เกิดขึ้นร่วมกับการมีเลือดกำเดาไหล หรือมีเลือดออกตามไรฟันอยู่บ่อยครั้ง
การใช้ยาบางชนิด รอยช้ำมักเกิดขึ้นในขณะที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด


การวินิจฉัยรอยช้ำ
หากรอยช้ำเกิดจากการบาดเจ็บอย่างชัดเจน และแพทย์ไม่สงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการกระดูกหักร่วมด้วย แพทย์จะไม่ทดสอบใด ๆ แต่ในกรณีอื่น ๆ แพทย์อาจต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
หากผู้ป่วยมีอาการบวม หรือเจ็บปวดรุนแรง แพทย์อาจตรวจด้วยการเอกซเรย์ บริเวณที่สงสัยว่าอาจมีกระดูกหัก
หากผู้ป่วยเกิดรอยช้ำขึ้นบ่อยครั้ง และไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แพทย์อาจให้ตรวจเลือด เพื่อหาความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด

การรักษารอยช้ำ

อาการช้ำสามารถรักษาได้ด้วยตนเองในเบื้องต้น ดังนี้
ประคบเย็นบริเวณที่เกิดอาการช้ำด้วยสำลีหรือผ้าชุบน้ำเย็น หรืออาจใช้ถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าประคบลงบนบริเวณที่มีอาการประมาณ 10 นาที และไม่ควรให้ผิวหนังสัมผัสน้ำแข็งโดยตรง เพราะความเย็นอาจทำให้ผิวหนังเสียหายได้
หากเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณขาหรือเท้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ ควรยกขาให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังเกิดอาการช้ำประมาณ 48 ชั่วโมง สามารถประคบร้อน ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นวางประคบบริเวณที่เกิดรอยช้ำประมาณ 10 นาที จำนวน 2-3 ครั้ง/วัน ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในบริเวณที่เกิดรอยช้ำได้ และช่วยให้ผิวหนังสามารถดูดซึมเลือดกลับได้เร็วยิ่งขึ้น รอยช้ำก็จะค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด
การใช้ยาบรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น พาราเซตามอล และควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพริน หรือยาไอบูโบรเฟน เพราะอาจเสี่ยงทำให้มีเลือดไหลเพิ่มมากขึ้น

การรักษาโดยแพทย์

การรักษารอยช้ำโดยแพทย์ไม่มีวิธีการเฉพาะที่นอกเหนือไปจากวิธีข้างต้น ทั้งการประคบเย็น ประคบร้อน แนะนำให้ใช้ยาบรรเทาอาการปวด หรือให้ยกอวัยวะที่เกิดรอยช้ำสูงขึ้น นอกจากนั้น หากแพทย์สงสัยว่าเกิดรอยช้ำจากกระดูกหัก หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ แพทย์จะพิจารณารักษาตามสาเหตุนั้น ๆ ต่อไป

ภาวะแทรกซ้อนของรอยช้ำ
โดยทั่วไป การเกิดรอยช้ำจะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ นอกจากจะเป็นรอยที่ผิวหนัง แล้วเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ รอยช้ำมักเกิดขึ้นในเวลาไม่นาน และจะจางหายไปเองภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์

การป้องกันรอยช้ำ

การเกิดรอยช้ำสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
จัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านให้เรียบร้อย ไม่ให้กีดขวางทางเดินหรือประตู เพราะอาจทำให้เดินชนจนเกิดการบาดเจ็บได้
เก็บสายไฟหรือสิ่งของอื่น ๆ ที่วางเกะกะขวางทางจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุสะดุดล้มได้ง่าย
ควรระมัดระวังอยู่เสมอ ดูพื้นว่าแห้งหรือไม่ หากวางพรมเอาไว้ ก็ควรแน่ใจว่าจะไม่ทำให้ลื่นล้มได้
เปิดไฟทางเดินให้มีความสว่างเพียงพอ หรือใช้ไฟฉายหากต้องเดินไปยังที่มืดในเวลากลางคืน
สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันร่างกายในขณะเล่นกีฬา
หากแพทย์สั่งจ่ายยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เสมอ และอาจมีการปรับการใช้ยาเมื่อจำเป็น


https://www.pobpad.com

สนใจสินค้านี้ สั่งซื้อราคาถูกพิเศษที่>>http://www.vitamin24hr.com
ถูกที่สุดทั่วไทย สินค้าบริษัท
แอดไลน์ที่>> http://line.me/ti/p/%40vitamin24hr
หรือ ไลน์ไอดี @vitamin24hr
****
วันนี้กดไลค์เพจเราและแชร์แบบสาธารณะ เพื่อลุ้นรับขนาดทดลอง จัดส่งถึงบ้าน ประกาศผลทุกสิ้นเดือนจ้า ^__^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

www.True100percent.com โทร 092-6161666, 02-0027539 : LINE: @mox9486f

เวชสำอางค์ ให้คุณช้อปจนจุใจ