Glibenclamide
Glibenclamide (ไกลเบนคลาไมด์) คือ ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) มีกลไกการออกฤทธิ์ด้วยการกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งสารอินซูลินเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยยาไกลเบนคลาไมด์นำมาใช้บำบัดรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยาไกลเบนคลาไมด์มีข้อห้ามใช้และผลข้างเคียงหลายประการ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

เกี่ยวกับยา Glibenclamide
กลุ่มยา ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาเบาหวานชนิดที่ 2 (Diabetes Mellitus Type 2)
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ
รูปแบบของยา ยารับประทานชนิดเม็ด
คำเตือนของการใช้ยา Glibenclamide
ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีประวัติแพ้ยานี้หรือมีอาการแพ้ยาอื่น ๆ เนื่องจากยาเบนคลาไมด์อาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการแพ้หรืออาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ต่อผู้ใช้ได้
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีหรือเคยมีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ หรือไทรอยด์ หรือกำลังใช้ยา สมุนไพร และวิตามินเสริมตัวใดอยู่ในช่วงนั้น เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ยา
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีหรือเคยมีประวัติเป็นโรคโพรพีเรีย (Porphyria) หรือโรคพร่องเอนไซม์ (Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase Deficiency: G6PD )
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีหรือเคยมีภาวะเลือดเป็นกรด ภาวะติดเชื้อหรือบาดเจ็บขั้นรุนแรง
หากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือรักษาทางทันตกรรม ควรแจ้งให้แพทย์ผู้รักษาทราบว่าเป็นโรคเบาหวานและแจ้งชื่อยาที่กำลังใช้อยู่ทุกชนิด
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเป็นผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
ปริมาณการใช้ยา Glibenclamide
โรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผู้ใหญ่: รับประทานเริ่มต้น 2.5-5 มิลลิกรัมต่อวัน อาจเพิ่มขนาดยาเป็น 2.5-15 มิลลิกรัมต่อวัน ในสัปดาห์ถัดไป และหากใช้ขนาดยามากกว่า 10 มิลลิกรัมต่อวัน ควรแบ่งใช้ 2 ครั้ง สูงสุดไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน
ผู้สูงอายุ: รับประทานเริ่มต้น 1.25 มิลลกรัมต่อวัน
*ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
การใช้ยา Glibenclamide
ก่อนการใช้ยาควรอ่านฉลากวิธีการใช้ยาอย่างละเอียด และหากมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการใช้ยาควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรให้เข้าใจ
ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดและห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ โดยขนาดเริ่มต้นทั่วไป คือ 5 มิลลิกรัมต่อวัน รับประทานพร้อมอาหารหรือทันทีหลังอาหารมื้อแรกของวัน
ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดยาเองโดยที่แพทย์ไม่ได้แนะนำ
ผู้ป่วยอายุมากกว่า 65 ปี ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจต้องมีการปรับขนาดยาให้เหมาะสม ผู้ป่วยควรติดตามและใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างรอบคอบ
ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างรับประทานยานี้ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้
หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานในมื้อถัดไป ให้รับประทานยามื้อถัดไปได้เลย โดยที่ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
ตรวจสอบภาชนะบรรจุให้ปิดสนิททุกครั้งหลังจากใช้ยา และควรเก็บให้พ้นจากมือเด็ก
ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง เก็บให้พ้นจากความร้อน แสงแดด และความชื้น หากยาหมดอายุให้ทิ้งทันที
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Glibenclamide
หากพบว่ามีอาการแพ้ยา เช่น คัน ผื่นแดง ลมพิษ ใบหน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม หายใจผิดปกติ ควรพบแพทย์โดยเร็ว
ผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดจาการใช้ยา หากพบว่าเป็นต่อเนื่องหรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ โดยอาการมีดังนี้
ปวดศีรษะ
คลื่นไส้
อาเจียน
แสบยอดอก
ปวดท้อง
ท้องเสีย
ผลข้างเคียงหรืออาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยจะทำให้มีอาการต่อไปนี้
มือสั่น
หน้ามืด วิงเวียน
มีเหงื่อออก
ปวดศรีษะ
มีอาการชาหรือปวดเสียวคล้ายหนามแทงบริเวณริมฝีปาก
มีอาการอ่อนเพลีย
หน้าซีด ตัวซีด
รู้สึกหิว
ใจสั่น
วิตกังวล หงุดหงิด กระวนกระวาย
อารมณ์แปรปรวน
รวมไปถึงผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น ปัสสาวะสีเข้ม เลือดออกง่ายหรือฟกช้ำบ่อย ๆ ผิวหนังไวต่อแสงแดด มีไข้ ตัวสั่น เจ็บคอ ผิวหนังหรือตาเหลือง
นอกจากนั้น หากผู้ป่วยพบว่ามีผลข้างเคียงหรืออาการที่ผิดปกตินอกเหนือจากนี้ ควรรีบติดต่อพบแพทย์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
https://www.pobpad.com
สนใจสินค้านี้ สั่งซื้อราคาถูกพิเศษที่>>http://www.vitamin24hr.com/
ถูกที่สุดทั่วไทย สินค้าบริษัท
แอดไลน์ที่>> http://line.me/ti/p/%40vitamin24hr
หรือ ไลน์ไอดี @vitamin24hr
****
วันนี้กดไลค์เพจเราและแชร์แบบสาธารณะ เพื่อลุ้นรับขนาดทดลอง จัดส่งถึงบ้าน ประกาศผลทุกสิ้นเดือนจ้า ^__^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น