http://www.true100percent.com/

http://www.true100percent.com/
สั่งซื้อสินค้าอออนไลน์ ได้ง่ายๆ คลิกเลย^^ www.true100percent.com
atopalm atopiclair Beta-Curve Bio-oil BK MASK burnova cetaphil CG210 COLLA-L creatine activ Dermalis DERMALIS skincare dermatix Dr.Jill DYMABURN Ellgy eucerin EZERRA Gluta Mc Plus HAKUBI C Gel Helionof Himalaya hiruscar LA ROCHE LIPO8 MAXKIN MC PLUS mederma MEDMAKER Meiji Melloderm-HQ Neocell okamoto OMG Physiogel pico Preme SAND-M scagel scaresthetique scargel Smooth-E spectraban TOMEI Vistra vitara berich Zermix กระชับสัดส่วน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน กันแดด ครีมบำรุงผิว เคล็ดลับสุขภาพดี เคล็ดลับหน้าขาวใส ช่วยนอนหลับ ที่ตรวจการตกไข่ ที่ตรวจครรภ์ใช้ง่าย ที่ตรวจยาบ้า บำรุงกระดูกและข้อต่อ บำรุงสุขภาพ ปากแห้ง ผมร่วง ผิวขาว ผิวแพ้ง่าย เพิ่มสมรรถภาพชาย มาส์กหน้าใส รักษาฝ้า รักษาสิว ลดน้ำหนัก ลบรอยแผลเป็น ลิปบาล์ม สมุนไพร กลูต้าไทโอน คอลลาเจน ตังถังเช่า ถังเช่า ถุงยางอนามัย ทับทิม เวย์โปรตีน AHA Aloe vera grape seed Urea อุปกรณ์การแพทย์ FOR MEN FOR WOMEN Review COSMETIC Review Vitamin

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

ความหมาย ต่อมลูกหมากโต


ความหมาย ต่อมลูกหมากโต


ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) คือโรคที่เกิดขึ้นในเพศชาย โดยเฉพาะชายสูงวัย ซึ่งต่อมลูกหมากที่โตจนผิดปกติจะไปรบกวนระบบทางเดินปัสสาวะ จนทำให้ปัสสาวะขัด และก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้



ต่อมลูกหมาก คือต่อมหนึ่งในร่างกายที่อยู่ภายในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย มีรูปร่างคล้ายผลวอลนัท ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ที่บริเวณระหว่างกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศชาย ด้านหน้าของทวารหนัก และมีท่อปัสสาวะผ่านตรงกลางของต่อม ต่อมชนิดนี้จะมีในเพศชายเท่านั้น โดยทำหน้านี้ในการสร้างของเหลวที่คอยหล่อเลี้ยงอสุจิ ขนาดที่ผิดปกติของต่อมลูกหมาก นอกจากจะส่งผลทำให้ทางเดินปัสสาวะติดขัดแล้ว ก็ยังส่งผลให้อสุจิที่ถูกหลั่งออกมาไหลกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะ และไตได้ในอนาคต

อาการของต่อมลูกหมากโต

อาการของต่อมลูกหมากโตมีสาเหตุมาจากขนาดของต่อมลูกหมากที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนทำให้เกิดแรงดันที่กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ และส่งผลกระทบกับการปัสสาวะ ซึ่งมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ละเลยอาการต่าง ๆ ของต่อมลูกหมากโต ดังนี้
ปัสสาวะได้ลำบาก
มีปัญหาเรื่องการไหลของปัสสาวะ
ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ปัสสาวะน้อย และปัสสาวะไม่สุด
ตื่นบ่อยเนื่องจากการปัสสาวะบ่อย
เกิดการปัสสาวะเล็ดเนื่องจากไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้

นอกจากนี้ โรคต่อมลูกหมากโตยังเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะไม่ออก หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ หรือความเสียหายของไตได้อีกด้วย หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ปวดที่สีข้าง บริเวณหลัง หรือบริเวณท้อง ปัสสาวะมีหนองหรือมีเลือดปน

สาเหตุของต่อมลูกหมากโต

มีการสันนิษฐานว่าสาเหตุของต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกายตามวัยในผู้ชาย และเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของสมดุลฮอร์โมน นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะคนที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งต้องรับการรักษาโดยผ่าตัด

ปัจจัยเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโตที่มักพบได้บ่อยคือ คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก หรือผู้ที่มีความผิดปกติของอัณฑะจะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตเพิ่มขึ้น

การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต

การวินิจฉัยด้วยตนเอง การวินิจฉัยอาการด้วยตนเองในเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้โดยการสังเกตความผิดปกติในการปัสสาวะ หากพบว่ามีการปัสสาวะที่บ่อยขึ้น หรือในขณะที่ปัสสาวะรู้สึกเจ็บ และมีปัสสาวะเป็นเลือด รวมทั้งมีอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหล ๆ หยุด ๆ ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถปัสสาวะออกมาได้ ควรรีบไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อความปลอดภัย

การวินิจฉัยโดยแพทย์ เมื่อไปพบแพทย์ ขั้นแรกแพทย์จะทำการเช็คให้แน่ใจก่อนว่าความผิดปกติในการปัสสาวะที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากโรคต่อมลูกหมากโตหรือเกิดจากปัญหาอื่น ๆ ผ่านการซักประวัติเกี่ยวกับการรักษา และการตรวจสุขภาพ โดยจะเน้นไปที่ทางเดินปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะ และการตรวจเลือด โดยการตรวจโรคต่อมลูกหมากโตที่มักใช้เพื่อวินิจฉัยอาการมีดังนี้
การตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Exam: DRE) เป็นการตรวจโดยการสอดนิ้วเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจดูขนาดและความผิดปกติของต่อมลูกหมาก ทั้งนี้การตรวจด้วยวิธีดังกล่าวจะทำได้เพียงแค่วินิจฉัยอาการได้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถวินิจฉัยความรุนแรงของโรคได้
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) การตรวจปัสสาวะสามารถช่วยระบุการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้
การตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate-Specific Antigen: PSA) การตรวจชนิดนี้สามารถช่วยให้แพทย์ระบุได้ว่าอาการเหล่านี้มีโอกาสเป็นโรคต่อมลูกหมากโตหรือมะเร็งต่อมลูกหมาก เนื่องจากทั้ง 2 โรคนี้มีอาการที่ค่อนข้างเหมือนกัน
การตรวจค่าครีเอทินินในเลือด (Blood Creatinine Test) เป็นการตรวจดูการทำงานของไต ว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่

นอกจากนี้ แพทย์อาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการของโรคต่อมลูกหมากโต โดยที่อาจตรวจเพิ่มเติมมีดังนี้
การตรวจปริมาณปัสสาวะที่คงค้างอยู่ (Post-Void Residual Urine Test: PVR) เป็นการตรวจวัดปริมาณปัสสาวะที่คงเหลืออยู่ในกระเพาะปัสสาวะหลังจากที่ปัสสาวะแล้ว โดยจะใช้การอัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือใช้สายสวนปัสสาวะใส่เข้าไปทางท่อปัสสาวะ
การตรวจการไหลของปัสสาวะ (Urinary Flow Test) คือการตรวจวัดความแรงและปริมาณการไหลของปัสสาวะ ผลที่ได้จะช่วยให้ทราบว่าการไหลของปัสสาวะเป็นปกติหรือไม่ นอกจากนี้ ระหว่างการรักษา การตรวจนี้ ยังจะช่วยแสดงให้เห็นว่าการรักษาทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง
บันทึกการปัสสาวะใน 24 ชั่วโมง การจดบันทึกปริมาณและความถี่ในการปัสสาวะ จะช่วยให้ทราบถึงการทำงานของระบบปัสสาวะ โดยเฉพาะในกรณีที่การปัสสาวะในตอนกลางคืนมีปริมาณมากกว่า 1 ใน 3 ของปริมาณการปัสสาวะต่อวัน

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการที่ซับซ้อน หรือมีภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโต ก็จำเป็นจะต้องมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น
การตรวจอัลตราซาวด์ทางทวารหนัก (Transrectal Ultrasound) เป็นการตรวจด้วยคลื่นเสียง โดยนำอุปกรณ์ขนาดเล็กใส่เข้าไปทางทวารหนักเพื่อทำการตรวจขนาดและโครงสร้างของไต กระเพาะปัสสาวะ และต่อมลูกหมาก
การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมาก (Prostate Biopsy) ในบางครั้งแพทย์อาจเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมากในขณะที่ตรวจอัลตราซาวด์ด้วย ซึ่งวิธีนี้จะช่วยระบุได้ว่าการที่ต่อมลูกหมากโตนั้นเกิดขึ้นจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือสาเหตุอื่น ๆ
การตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) แพทย์สอดกล้องขนาดเล็กเข้าไปเพื่อตรวจท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ วิธีนี้จะช่วยให้เห็นขนาดของต่อมลูกหมากที่ใหญ่ขึ้นซึ่งไปขัดขวางทางเดินปัสสาวะ
การตรวจความดันภายในกระเพาะปัสสาวะขณะปัสสาวะ วิธีนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถระบุได้ว่าปัญหาในการปัสสาวะลำบากเกิดจากโรคต่อมลูกหมากโตหรือเกิดจากปัญหาอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและระบบประสาทควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
การตรวจด้วยการฉีดสี (Intravenous Pyelogram: IVP) เป็นการเอกซเรย์โดยใช้สารทึบสีช่วยเพื่อให้เห็นการทำงานของไตและการไหลเวียนของปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ

วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโต

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตอาจต้องใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน แต่โดยหลัก ๆ แล้ว ได้แก่ การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา และการผ่าตัด แต่ถ้าหากต่อมลูกหมากที่โตนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษา และติดตามอาการเป็นระยะ ๆ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ป่วยจะทำการรักษาหรือไม่ ก็ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต ซึ่งควรปฏิบัติตนดังนี้
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน วิธีนี้จะช่วยลดการปวดปัสสาวะในเวลากลางคืนได้ แต่ก็ไม่ควรอดหรือลดปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน
ตั้งเวลาในการรับประทานยาให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หรือลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะและทำให้อาการแย่ลง
ออกกำลังกาย มีการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างน้อยวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยให้อาการดีขึ้น
จำกัดการรับประทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาทั้ง 2 ชนิดจะทำให้ปัสสาวะได้ลำบาก เนื่องจากยาจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณท่อปัสสาวะที่ควบคุมการไหลของปัสสาวะหดตัว
ไม่อั้นปัสสาวะ การอั้นปัสสาวะนานเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเกิดความเสียหาย
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ทำให้ความเสี่ยงโรคอ้วนลดลงซึ่งเกี่ยวของกับโรคต่อมลูกหมากโต
ฝึกการเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องน้ำทุก ๆ 4-6 ชั่วโมงเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้มากในกลุ่มผู้ป่วยที่ปัสสาวะบ่อยและไม่สามารถกลั้นได้

การใช้ยา เป็นวิธีพื้นฐานในการรักษาอาการโรคต่อมลูกหมากโตของผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง ยาที่แพทย์นิยมใช้ ได้แก่
แอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blockers) ยาชนิดนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอของกระเพาะปัสสาวะ และช่วยคลายเส้นใยกล้ามเนื้อภาวะในต่อมลูกหมาก อีกทั้งยังช่วยทำให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น ทว่าผลข้างเคียงของยาชนิดนี้ อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน และอาจทำให้อุสจิไหลกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ (Retrograde Ejaculation)
5 แอลฟา รีดักเตส อินฮิบิเตอร์ (5 Alpha Reductase Inhibitor) ยาดังกล่าวจะช่วยให้ต่อมลูกหมากหดตัว ลดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมลูกหมากขยายตัว แต่ยาชนิดนี้อาจมีผลต่ออสุจิและอาจทำให้เกิดความพิการของทารกในครรภ์ได้
การใช้ยาหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน เพื่อช่วยลดอาการในกรณีที่การใช้ยาชนิดเดียวไม่ได้ผล
ยาทาดาลาฟิล (Tadalafil) มีการศึกษาพบว่าการใช้ยาดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และช่วยรักษาโรคต่อมลูกหมากโต แต่ยาชนิดนี้มักจะถูกใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น

การผ่าตัด จะถูกใช้ในกรณีที่การรักษามีความรุนแรงและ/หรือการใช้ยาไม่ได้ผล หรือมีปัญหาทางเดินปัสสาวะติดขัด เกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับไต แต่จะไม่สามารถทำได้หากผู้ป่วยมีอาการของการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ หรือมีอาการของท่อปัสสาวะตีบ (Urethral Stricture) รวมถึงผู้ป่วยที่มีประวัติการรักษาต่อมลูกหมากด้วยรังสี หรือเคยผ่านการผ่าตัดทางเดินปัสสาวะ และผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease) หรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) โดยวิธีการผ่าตัดที่ใช้ในประเทศไทย ได้แก่
การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อขูดต่อมลูกหมาก (Transurethral Resection of the Prostate: TURP) การผ่าตัดส่องกล้องที่ใช้เวลาในการผ่าตัดค่อนข้างนาน โดยศัลยแพทย์จะวางยาสลบ และผ่าตัดนำบางส่วนของต่อมลูกหมากออก วิธีนี้จะช่วยรักษาอาการได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องใช้ท่อปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะออกชั่วคราว และต้องลดการทำกิจกรรมหนัก ๆ ลงจนกว่าจะหาย

นอกจากนี้ ยังมีวิธีการรักษาแบบอื่น ๆ ที่ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่เหมาะแก่การผ่าตัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโต แต่มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เช่น
การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อขยายท่อปัสสาวะ (Transurethral Incision of the Prostate: TUIP) การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อกรีดบริเวณต่อมลูกหมากเป็นรอยเล็ก ๆ 1-2 รอย ซึ่งจะช่วยให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น การผ่าตัดชนิดนี้จะใช้ในกรณีที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ไม่มาก หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถผ่าตัดด้วยวิธีอื่นได้
การผ่าตัดด้วยการใช้คลื่นไมโครเวฟ (Transurethral Microwave Thermotherapy: TUMT) แพทย์จะนำอุปกรณ์พิเศษเข้าไปภายในท่อปัสสาวะ แล้วใช้คลื่นไมโครเวฟในการกำจัดเนื้อเยื่อบางส่วนของต่อมลูกหมากออก ทำให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
การผ่าตัดส่องกล้องด้วยเข็ม (Transurethral Needle Ablation: TUNA) เป็นการผ่าตัดที่จะสอดกล้องเข้าไปทางท่อปัสสาวะ และสอดเข็มเข้าไปในต่อมลูกหมาก จากนั้นจะปล่อยคลื่นวิทยุไปที่เข็ม ความร้อนจากคลื่นวิทยุจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมากที่ขัดขวางการไหลเวียนของปัสสาวะที่ทำให้การปัสสาวะเป็นไปได้ยาก
การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Therapy) การรักษาด้วยรังสีพลังงานสูงสามารถช่วยกำจัดเนื้อเยื่อของต่อมลูกหมากที่เกิดขึ้นมากผิดปกติ และช่วยบรรเทาอาการลง เป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นและเสียเลือดน้อยกว่า

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโต

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโตสามารถเกิดขึ้นได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า หรือไม่ถูกต้อง ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ คือ
ปัสสาวะไม่ออก (Urinary Retention) ขนาดของต่อมลูกหมากที่ใหญ่ขึ้นอาจทำให้ผู้ป่วยต้องใส่ท่อปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องถึงขั้นผ่าตัดเพื่อระบายปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะเป็นเลือด (Haematuria) โดยอาการอาจจะทั้งเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือต้องใช้การตรวจด้วยการส่องกล้องจุลทรรศน์
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections: UTIs) โรคต่อมลูกหมากจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้หมด จนทำให้กระเพาะปัสสาวะมีปัสสาวะตกค้างและเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ ทั้งนี้หากการติดเชื้อเกิดขึ้นบ่อย แพทย์อาจต้องตัดสินใจทำการผ่าตัดเพื่อนำบางส่วนของต่อมลูกหมากที่ขัดขวางทางเดินปัสสาวะออกไป
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Stones) นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดขึ้นได้หากมีปัสสาวะตกค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ นิ่วในปัสสาวะยังก่อให้เกิดอาการอักเสบ การระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด และปัสสาวะติดขัดได้อีกด้วย
กระเพาะปัสสาวะ การตกค้างของปัสสาวะส่งผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถยืดหยุ่นได้เต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลง และเกิดความเสียหายที่กระเพาะปัสสาวะได้
ไต แรงดันภายในกระเพาะปัสสาวะจากการที่ปัสสาวะไม่ออกสามารถส่งผลเสียโดยตรงกับไต และทำให้ไตเกิดการติดเชื้อ

ทว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตมักจะไม่ค่อยมีอาการของภาวะแทรกซ้อน และไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม อาการปัสสาวะไม่ออกอย่างเฉียบพลัน และอาการไตเสียหายก็สามารถคุกคามสุขภาพได้อย่างร้ายแรง

วิธีป้องกันต่อมลูกหมากโต

ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ และควรรีบไปพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้
ปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะเป็นเลือด
รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ
ปัสสาวะลำบาก
ปัสสาวะกะปริบกะปรอย

นอกจากนี้ แม้ว่าผู้ป่วยเพศชายจะเคยได้รับการผ่าตัดรักษาต่อมลูกหมากโตมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะในการผ่าตัดนั้นเป็นแค่เพียงนำบางส่วนของต่อมลูกหมากออกเท่านั้น ดังนั้น แม้จะรักษาโรคต่อมลูกหมากโตจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วแต่ผู้ป่วยก็ยังควรตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ และพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ ซึ่งหากมีสัญญาณของมะเร็งต่อมลูกหมากเกิดขึ้นก็จะช่วยให้แพทย์สามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ


https://www.pobpad.com

สนใจสินค้านี้ สั่งซื้อราคาถูกพิเศษที่>>http://www.vitamin24hr.com
ถูกที่สุดทั่วไทย สินค้าบริษัท
แอดไลน์ที่>> http://line.me/ti/p/%40vitamin24hr
หรือ ไลน์ไอดี @vitamin24hr
****
วันนี้กดไลค์เพจเราและแชร์แบบสาธารณะ เพื่อลุ้นรับขนาดทดลอง จัดส่งถึงบ้าน ประกาศผลทุกสิ้นเดือนจ้า ^__^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

www.True100percent.com โทร 092-6161666, 02-0027539 : LINE: @mox9486f

เวชสำอางค์ ให้คุณช้อปจนจุใจ