http://www.true100percent.com/

http://www.true100percent.com/
สั่งซื้อสินค้าอออนไลน์ ได้ง่ายๆ คลิกเลย^^ www.true100percent.com
atopalm atopiclair Beta-Curve Bio-oil BK MASK burnova cetaphil CG210 COLLA-L creatine activ Dermalis DERMALIS skincare dermatix Dr.Jill DYMABURN Ellgy eucerin EZERRA Gluta Mc Plus HAKUBI C Gel Helionof Himalaya hiruscar LA ROCHE LIPO8 MAXKIN MC PLUS mederma MEDMAKER Meiji Melloderm-HQ Neocell okamoto OMG Physiogel pico Preme SAND-M scagel scaresthetique scargel Smooth-E spectraban TOMEI Vistra vitara berich Zermix กระชับสัดส่วน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน กันแดด ครีมบำรุงผิว เคล็ดลับสุขภาพดี เคล็ดลับหน้าขาวใส ช่วยนอนหลับ ที่ตรวจการตกไข่ ที่ตรวจครรภ์ใช้ง่าย ที่ตรวจยาบ้า บำรุงกระดูกและข้อต่อ บำรุงสุขภาพ ปากแห้ง ผมร่วง ผิวขาว ผิวแพ้ง่าย เพิ่มสมรรถภาพชาย มาส์กหน้าใส รักษาฝ้า รักษาสิว ลดน้ำหนัก ลบรอยแผลเป็น ลิปบาล์ม สมุนไพร กลูต้าไทโอน คอลลาเจน ตังถังเช่า ถังเช่า ถุงยางอนามัย ทับทิม เวย์โปรตีน AHA Aloe vera grape seed Urea อุปกรณ์การแพทย์ FOR MEN FOR WOMEN Review COSMETIC Review Vitamin

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

ความหมาย Hyperkalemia


ความหมาย Hyperkalemia


Hyperkalemia หรือโพแทสเซียมในเลือดสูง คือภาวะที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน สาเหตุมักเกิดจากความผิดปกติของไต เช่น ไตวายเฉียบพลัน โรคไตเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีความสามารถในการกำจัดโพแทสเซียมที่ร่างกายไม่ต้องการลดลง ซึ่งหากมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงมากอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้



โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้เซลล์ประสาทและเซลล์กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปริมาณโพแทสเซียมในเลือดระดับปกติจะอยู่ที่ 3.6-5.2 มิลลิโมลต่อลิตร ส่วนผู้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่า 5.2 มิลลิโมลต่อลิตรนั้นถือว่ามีภาวะ Hyperkalemia และยิ่งมีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงเกิดความผิดปกติที่รุนแรงตามมามากขึ้นเท่านั้น

อาการของ Hyperkalemia

ลักษณะและความรุนแรงของอาการผู้ป่วย Hyperkalemia ขึ้นอยู่กับปริมาณโพแทสเซียมในเลือด หากมีระดับไม่สูงมากอาจไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติหรือมีอาการไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นเหน็บชาตามร่างกาย เป็นต้น แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงมากหรือตั้งแต่ 7 มิลลิโมลต่อลิตรขึ้นไปนั้นอาจกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการรุนแรง เช่น หัวใจเต้นช้า ชีพจรเต้นเบากว่าปกติ รวมถึงภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจหยุดเต้น ผู้ป่วยที่มีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ และหากหัวใจหยุดเต้นจนหมดสติ ผู้ป่วยควรได้รับการปั๊มหัวใจอย่างถูกวิธีเพื่อช่วยให้ฟื้นคืนชีพในทันที

สาเหตุของ Hyperkalemia

ภาวะ Hyperkalemia มักเกิดจากความผิดปกติของไต เช่น โรคไตเรื้อรัง หรือไตวายเฉียบพลัน ทว่าอาจมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากสาเหตุข้างต้นได้เช่นกัน ดังนี้
โรคความผิดปกติทางเมตาบอลิซึมหรือระบบเผาผลาญพลังงาน
โรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น การ์ดอนซินโดรม (Gordon’s Syndrome) หรือภาวะอัมพาตเป็นระยะจากโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hyperkalemic Periodic Paralysis) ซึ่งส่งผลให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมกับมีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
โรคแอดดิสัน (Addison's Disease) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของต่อมหมวกไต
โรคเบาหวานชนิดที่ 1
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวเนื่องจากโรคหรือการรักษาบางชนิด
ภาวะเซลล์กล้ามเนื้อเกิดการสลายตัวเนื่องจากโรคหรือการรักษาบางชนิด
การรับประทานยาบางชนิด ได้แก่ ยาต้านความดันโลหิตสูง เช่น กลุ่มยาขับปัสสาวะโพแทสเซียมสแปริ่ง ยากลุ่มเอซีอีอินฮิบิเตอร์ ยาเบต้าบล็อกเกอร์ เป็นต้น รวมถึงยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาซักซินิลโคลีน ยาเฮพาริน ยาดิจิทาลิส และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพแทสเซียม
การเจาะเลือดที่ไม่ถูกวิธี เช่น สายยางรัดแขนแน่นจนเกินไป หรือระยะเวลาการเจาะนานเกินไป

ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกตัวในระหว่างหรือหลังเก็บตัวอย่างเลือด โพแทสเซียมภายในเม็ดเลือดจึงออกมาปะปนกับเลือด ทำให้ผลตรวจเลือดแสดงว่ามีภาวะโพแทสเซียมให้เลือดสูง ทั้งที่ปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายอยู่ในระดับปกติ แพทย์จึงอาจต้องเก็บตัวอย่างเลือดซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการตรวจให้แน่ชัด

การวินิจฉัย Hyperkalemia

การวินิจฉัยภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอาการผิดปกติที่พบอาจเกิดจากสาเหตุอื่นนอกเหนือจากภาวะนี้ แพทย์จึงต้องวินิจฉัยโดยใช้หลายวิธีควบคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การซักประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการใช้ยา อาหารและอาหารเสริมที่รับประทาน รวมทั้งอาจใช้การทดสอบทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย ดังนี้
การตรวจเลือด หากผลการตรวจเลือดในครั้งแรกชี้ว่าผู้ป่วยมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติ แพทย์อาจแนะนำให้เก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากค่าระดับโพแทสเซียมในเลือดที่สูงนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทำให้มีโอกาสที่ผลการตรวจจะผิดพลาดได้
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram: ECG) เป็นการตรวจดูจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการที่อาจบ่งบอกถึงการมีภาวะ Hyperkalemia ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหากมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่ภาวะ Hyperkalemia ได้เช่นกัน

การรักษา Hyperkalemia

ผู้ที่มีภาวะ Hyperkalemia ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย โดยเฉพาะผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง มีจังหวะการเต้นของหัวใจปกติ และไม่ได้มีความผิดปกติชนิดอื่น เช่น ภาวะเลือดเป็นกรด หรือโรคไต อาจรักษาได้ด้วยตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนผู้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายและมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้พ้นภาวะวิกฤติทันที

ทั้งนี้ การรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค ความรุนแรงของอาการ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการใช้ยาบางชนิด ดังนี้
รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำ ควรจำกัดปริมาณโพแทสเซียมที่ได้รับไม่เกิน 2,000-3,000 มิลลิกรัมต่อวัน
งดใช้ยาที่ส่งผลให้ปริมาณโพแทสเซียมในเลือดสูงขึ้น
รับประทานยาที่มีสรรพคุณช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมในเลือด ได้แก่ ยาขับปัสสาวะเพื่อขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายทางการปัสสาวะ ยาโซเดียมพอลิสไตรีนซัลโฟเนตเพื่อขับโพแทสเซียมออกจากทางเดินอาหาร หรือยาแพทไทโรมเมอร์เพื่อลดปริมาณโพแทสเซียมในเลือด
ฉีดกลูโคสและฮอร์โมนอินซูลินเข้าเส้นเลือดเพื่อช่วยพาโพแทสเซียมจากภายนอกเซลล์กลับเข้าสู่ภายในเซลล์
เข้ารับการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง เช่น โรคไต เป็นต้น

นอกจากนั้น แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมในเลือดอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายฉีดแคลเซียมเข้าเส้นเลือดเพื่อป้องกันหัวใจและกล้ามเนื้อจากการได้รับผลกระทบจากภาวะนี้ด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของ Hyperkalemia

ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรูปแบบ Ventricular Fibrillation ส่งผลให้หัวใจของผู้ป่วยเต้นแผ่วระรัวและไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นอกจากนั้น การมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

การป้องกัน Hyperkalemia

ภาวะ Hyperkalemia อาจป้องกันได้โดยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะนี้จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น มันฝรั่ง หน่อไม้ อะโวคาโด มะเขือเทศ ฟักทอง ส้ม กล้วย แคนตาลูป พรุน ลูกเกดและผลไม้แห้งชนิดต่าง ๆ เป็นต้น


https://www.pobpad.com

สนใจสินค้านี้ สั่งซื้อราคาถูกพิเศษที่>>http://www.vitamin24hr.com
ถูกที่สุดทั่วไทย สินค้าบริษัท
แอดไลน์ที่>> http://line.me/ti/p/%40vitamin24hr
หรือ ไลน์ไอดี @vitamin24hr
****
วันนี้กดไลค์เพจเราและแชร์แบบสาธารณะ เพื่อลุ้นรับขนาดทดลอง จัดส่งถึงบ้าน ประกาศผลทุกสิ้นเดือนจ้า ^__^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

www.True100percent.com โทร 092-6161666, 02-0027539 : LINE: @mox9486f

เวชสำอางค์ ให้คุณช้อปจนจุใจ